ในปัจจุบันท่อเหล็กมีหลากหลายรูปแบบ และมีสีที่ต่างกัน ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าแต่ละรูปแบบหรือแต่ละสีนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? มาร่วมเปิดโลกท่อเหล็กไปพร้อมกับ Pacific Pipe ไม่ว่าจะเป็นท่อเหล็กดำ ท่อเหล็กชุบหรือเคลือบสังกะสี หรือท่อเหล็กเคลือบสี ทุกรูปแบบว่าแต่ละแบบนั้นมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันไปอย่างไรบ้าง เช็กได้เลย!

ทำความรู้จักกับ มอก. 107-2566 คืออะไร?

มอก. 107-2566 คือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่กำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ของประเทศไทย มาตรฐานนี้เกี่ยวข้องกับ "ท่อเหล็กกล้า" โดยจะระบุคุณสมบัติ เทคนิคการผลิต วิธีการทดสอบ รวมถึงเกณฑ์ในการควบคุมคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าท่อเหล็กกล้าที่ผลิตออกมานั้นมีคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน

มอก.107-2566 ฉบับประกาศใหม่ นี้ได้ขยายขอบข่ายด้านขนาดมิติให้เป็นไปตามที่ผู้ทำกำหนด โดยความหนาผนังท่อเป็นไปตามข้อกำหนดของวัตถุดิบ และเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนต้องอยู่ในเกณฑ์ควบคุมมาตรฐาน อีกทั้งเพิ่มเติมชนิดการเคลือบผิวของท่อเคลือบสังกะสี และรายละเอียดการเคลือบผิวของวัตถุดิบของท่อเคลือบสังกะสีให้คลอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถรองรับความต้องการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น และช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าในตลาดให้สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง การปรับปรุงครั้งนี้ยังมีส่วนสำคัญในการป้องกันไม่ให้สินค้าคุณภาพต่ำหลุดรอดเข้าสู่ตลาด เนื่องจากผู้ผลิตจะต้องแสดงคุณสมบัติและเครื่องหมาย มอก. เพื่อรับรองคุณภาพสินค้าก่อนนำไปใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานราชการที่กำหนดให้ต้องใช้สินค้าที่ได้มาตรฐาน มอก. เท่านั้น

รู้จัก 3 ท่อเหล็กจาก Pacific Pipe ที่ได้มาตรฐานมอก.107-2566

1. ท่อเหล็กดำ (Black Steel pipe)
   

   ท่อเหล็กดำ หรือ ท่อเหล็กกล้าคาร์บอนที่ไม่มีการเคลือบผิวด้วยสารใด ๆ ทำให้มีสีดำตามธรรมชาติของเหล็ก เกิดจากการนำเหล็กกล้าทรงแบนมาขึ้นรูปเย็นเป็นท่อ แล้วทำการเชื่อมตะเข็บ นิยมใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้าง รวมถึงระบบท่อและงานอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องการการป้องกันการกัดกร่อนสูง เช่น ระบบท่อประปาชั่วคราว ท่อส่งก๊าซ และโครงสร้างทั่วไป

   • ท่อเหล็กดำมาตรฐาน TIS 107-2566 จากแปซิฟิกไพพ์ ได้แก่ ท่อเหล็กกลม ท่อเหล็กเหลี่ยม และท่อเหล็กแบน
2. ท่อเหล็กเคลือบสี (The P-Coat pipe)
   

   ท่อเหล็กเคลือบสี เป็นท่อเหล็กที่ เกิดจากการนำท่อเหล็กดำไปผ่านกระบวนการเคลือบสีที่ผิวท่อด้วยสีรองพื้นกันสนิมชนิดพิเศษที่เรียกว่า P-COAT ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการชุบเคลือบที่ช่วยป้องกันการกัดกร่อนและสนิม โดยมีชั้นความหนาสีที่เคลือบไม่น้อยกว่า 15 ไมครอน ต่อท่อ 1 ด้าน ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับท่อ ทำให้ท่อเหล็กมีความทนทานต่อสภาพอากาศและการกัดกร่อนได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับท่อเหล็กดำทั่วไป นิยมใช้ในงานโครงสร้างและงานดับเพลิง

   • ท่อเหล็กเคลือบสีมาตรฐาน TIS 107-2566 จากแปซิฟิกไพพ์ ได้แก่ ท่อเหล็กกลม ท่อเหล็กเหลี่ยม และท่อเหล็กแบน
3. ท่อเหล็กเคลือบสังกะสี (The P-GAL pipe)
   

   เป็นท่อเหล็กที่เกิดจากการนำเหล็กม้วนดำไปผ่านกระบวนการเคลือบสังกะสี (Zinc) บนผิวเหล็กก่อนที่จะนำมาขึ้นรูปเย็นเป็นท่อ โดยมีมวลสังกะสีที่เคลือบไม่น้อยกว่า 60 กรัมต่อ ตรม. รวมทั้ง 2 ด้าน และต้องทำการพ่นปิดตะเข็บด้วยสังกะสี Zinc Spray ทำให้ได้ชั้นเคลือบสังกะสีที่หนาและสม่ำเสมอทั่วทั้งผิวท่อ ซึ่งชั้นเคลือบสังกะสีนี้มีหน้าที่หลักในการป้องกันสนิมและการกัดกร่อนของเหล็กเมื่อสัมผัสกับสภาพแวดล้อมภายนอก เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นปานกลาง เช่น งานโครงสร้างในอาคาร ระบบประปา หรือการใช้งานทั่วไปในอุตสาหกรรม โดยมวลสังกะสีที่เคลือบจะบางกว่าแบบ Hot Dip Galvanized แต่ยังคงให้ความทนทานต่อการกัดกร่อนในระดับที่ดี นิยมใช้ในงานโครงสร้างทั่วไป ที่ใช้น้ำหนักเบา ไม่ต้องทาสี ช่วยประหยัดเวลาและป้องกันการเกิดสนิม

   • ท่อเหล็ก GI มาตรฐาน TIS 107-2566 จากแปซิฟิกไพพ์ ได้แก่ ท่อเหล็กกลม ท่อเหล็กเหลี่ยม และท่อเหล็กแบน

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติท่อเหล็ก Pacific Pipe (มอก.107-2566)

เกณฑ์ในการเลือกซื้อท่อเหล็กให้โดนใจ ปลอดภัยหายห่วง

• มาตรฐาน มอก. 107-2566 : เป็นมาตรฐานที่บ่งบอกถึงคุณภาพของท่อเหล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อเหล็กดำ และท่อเหล็ก GI การเลือกซื้อท่อเหล็กที่ได้มาตรฐานนี้ จะมั่นใจได้ว่าท่อเหล็กมีความแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัย
• ขนาดและความหนา: ขนาดและความหนาของท่อเหล็กต้องเหมาะสมกับการใช้งาน เช่น หากใช้ในการก่อสร้างโครงสร้างอาคาร ก็ต้องเลือกขนาดและความหนาที่รับน้ำหนักได้ดี
• ผู้ผลิต: ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ มีการรับรองคุณภาพมาเป็นอย่างดี และมีประสบการณ์ในการผลิตท่อเหล็ก

เลือกท่อเหล็กจาก Pacific Pipe มั่นใจได้ในมาตรฐาน มอก.107-2566 ทุกเส้น ทุกงาน

Pacific Pipe ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายท่อเหล็กคุณภาพมาตรฐาน มอก.107-2566 เรามุ่งมั่นในการพัฒนาเหล็กทุกรูปแบบให้ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านคุณภาพและความปลอดภัย ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของเราได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เรายังใส่ใจในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายรูปแบบ เพื่อให้มั่นใจว่าเหล็กของเราจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกการใช้งาน ตั้งแต่งานโครงสร้างครอบคลุมไปจนถึงงานระบบ เราพร้อมที่จะให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและมาตรฐานที่เชื่อถือได้อย่างแท้จริง