เลือกชนิดเหล็กให้เหมาะกับงาน



เหล็ก คือ แร่ธาตุธรรมชาติหรือที่รู้จักกันว่า “ธาตุเหล็ก” ซึ่งพบได้มากในธรรมชาติ ธาตุเหล็กมีลักษณะสีแดงอมน้ำตาล เมื่อผ่านกระบวนการผลิตต่างๆแล้วจึงกลายมาเป็นเหล็กสีที่เราได้เห็นกัน เหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของงานโครงสร้าง หรืองานก่อสร้างต่างๆ และในปัจจุบันยังนิยมนำมาใช้ตกแต่งบ้าน อาคาร สถานที่ต่างๆด้วย
 
เหล็กนั้นมีหลายประเภท โดยแต่ละประเภทก็เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป สามารถแบ่งประเภทได้ 3 ประเภท ดังนี้
 
1. เหล็กหล่อ (Cast Iron)
เหล็กที่ผ่านกระบวนการขึ้นรูปด้วยการหล่อ มีปริมาณของธาตุคาร์บอนประมาณ 1.7-2% ทำให้มีความแข็งแรง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเปราะ เหล็กหล่อสามารถขึ้นรูปได้แค่วิธีการหล่อวิธีเดียวเท่านั้น ไม่สามารถขึ้นรูปด้วยการรีดหรือวิธีการอื่นๆ ได้ เหล็กหล่อเหมาะกับงานที่ทนต้องการเสียดสี เช่น ลูกบอลกลมในแบริ่งลูกปืน ,ทำล้อรถไฟ ,ทำลูกโม่ย่อยหิน และทำจานเจียระไนเพชรพลอย เป็นต้น
 
2. เหล็กกล้า (Steel)
เหล็กที่มีความเหนียวแน่นมากกว่าเหล็กหล่อ มีปริมาณของธาตุคาร์บอนผสมอยู่ประมาณ 0.008% - 2% สามารถขึ้นรูปด้วยวิธีต่างๆ ได้หลากหลาย จึงทำให้เหล็กชนิดนี้นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เหล็กกล้าเหมาะกับงานที่ต้องเค้น-ดึงในระดับปานกลาง ต้องการความทนทานต่อการสึกหรอที่ผิวหน้า เช่น ดอกสว่าน สกัด กรรไกร มีดคลึง ใบเลื่อยตัดเหล็ก ดอกทำเกลียว เป็นต้น
.
 
3. เหล็กผสม (Alloy Metals)
เหล็กผสมมีสถานะเป็นของแข็งที่ประกอบด้วยโลหะ 2 ชนิด หรือมากกว่านั้น การผสมธาตุเข้าไปก็เพื่อให้ได้คุณสมบัติของเหล็กเป็นไปตามที่ต้องการ โดยเหล็กประเภทนี้มักจะมีความสามารถในการต้านทานต่อการกัดกร่อนและสามารถนำไฟฟ้าได้ รวมถึงมีคุณสมบัติทางแม่เหล็กอีกด้วย เหล็กผสมนั้นเหมาะกับงานประณีต เช่น นาฬิกาข้อมือ งานที่ต้องการเหล็กที่สามารถดึง-ขึ้นรูปได้ นอกจากนี้ยังนิยมใช้ทำใบพัดเรือ เครื่องมือวัดอุณหภูมิ เป็นต้น
 
การเลือกใช้เหล็กควรเลือกจากวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ควรเลือกเหล็กให้มีคุณสมบัติเหมาะกับการใช้งาน เพราะนอกจากจะทำให้งานออกมาสวยงามแล้วยังช่วยให้ปลอดภัย และได้มาตรฐานที่เหมาะสม ที่ PACIFIC PIPE มีเหล็กให้เลือกหลากหลาย เหมาะกับการใช้งาน ตอบโจทย์ทุกความต้องการ คุ้มค่ากับการใช้จ่าย

Latest News & Event

Loading